นักวิเคราะห์คาด แวกเนอร์ หนีตาม "ปริโกชิน"ไปเบลารุส

หลังจากเหตุการณ์ความวุ่นวายสิ้นสุดลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) มีความเคลื่อนไหวครั้งแรก จากทั้งประธานาธิบดีปูตินและเยฟเกนี ปริโกชิน ผู้ก่อเหตุท้าท้ายประธานาธิบดีปูตินในรอบ 24

ปริโกชิน หัวหน้ากลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกหลังก่อเหตุความไม่สงบบนแผ่นดินรัสเซีย โดยเขาได้ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการส่งคลิปเสียงความยาว 11 นาทีผ่านคองคอร์ดเพรส ซึ่งเป็นช่องทางเทเลแกรมส่วนตัว

นักวิเคราะห์ เชื่อ “ปริโกชิน” อาจถูกสังหารหลังทรยศ "ปูติน"

“ชอยกู”โผล่เยี่ยมทหารในยูเครน ปรากฏตัวครั้งแรก หลัง “แวกเนอร์”ก่อจลาจล

ประเด็นหลักๆ ที่ปริโกชินพูดถึง คือเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า การเคลื่อนขบวนของกลุ่มแวกเนอร์จากแคว้นรอสตอฟออนดอน ไม่ได้ทำเพื่อล้มล้างรัฐบาลประธานาธิบดีปูติน แต่เป็นไปเพื่อประท้วงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับกลุ่มที่จะถูกกำจัดเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ปริโกชินได้พูดย้ำว่าเขาไม่เสียใจเลยที่ก่อกบฏ รวมถึงไม่เสียใจที่ยิงเครื่องบินรบของรัสเซียจนทำให้นักบินเสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากกองทัพรัสเซียโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มแวกเนอร์ก่อน แม้ว่ากลุ่มแวกเนอร์จะไม่ได้สังหารทหารของกองทัพรัสเซียเลยก็ตาม พร้อมกับกล่าวเสริมว่าสมาชิกของกลุ่มแวกเนอร์ที่ไปร่วมขบวนประท้วงไม่มีใครถูกบังคับให้ไป ทุกคนร่วมขบวนด้วยความเต็มใจ

นอกจากนี้ ปริโกชินยังได้ย้ำว่า การเดินขบวนครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางด้านความมั่นคงทั่วแผ่นดินรัสเซีย และแวกเนอร์กำลังพยายามทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นว่าปฏิบัติการพิเศษทางการทหารควรจะมีระบบระเบียบมากกว่าที่เป็นอยู่

ก่อนที่เขาจะย้ำอีกหนึ่งรอบว่า ตัวเขาไม่ได้ต้องการท้าทายหรือล้มล้างรัฐบาลของประธานาธิบดีปูตินแต่อย่างใดการออกมาเคลื่อนไหวของผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์ครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ของหลายฝ่ายว่าเขาน่าจะเดินทางถึงกรุงมินสก์ เมืองหลวงของประเทศเบลารุสแล้ว

รายงานจากการติดตามเที่ยวบินเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของปริโกชินชี้ให้เห็นว่า เขาน่าจะถึงเบลารุสตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเรา โดยเครื่องบินของผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์ได้ไปลงจอดที่ฐานทัพอากาศมาชูลิชชี ทางตอนใต้ของกรุงมินสก์

นอกจากความเคลื่อนไหวของผู้นำกลุ่มแวกเนอร์แล้ว เมื่อวานนี้ก็มีความเคลื่อนไหวออกมาจากฝั่งวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเป็นครั้งแรกเช่นกัน หลังจากปัญหาความวุ่นวายในประเทศจบลง

เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (26 มิ.ย.) ประธานาธิบดีปูตินได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงของรัสเซีย คนที่เข้าร่วมประชุมประกอบไปด้วยอิกอร์ คราสนอฟ อัยการสูงสุด เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม อันโตน ไวโน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารรัฐบาล วลาดิมีร์ คาลาโคลต์เซฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย // อเล็กซานเดอร์ บอร์ตนิคอฟ ผู้อำนวยการหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ วิกเตอร์ โซโลตอฟ ผู้อำนวยการหน่วยรักษาดินแดน ดมิทรี คอชเนฟ ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงรัฐบาลกลาง อเล็กซานเดอร์ บาสตรูคิน ผู้อำนวยการคณะกรรมการสอบสวนกลาง

ในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกมา ประธานาธิบดีปูตินได้กล่าวขอบคุณบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเหล่านี้ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย

อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายได้พยายามจับท่าทีและการแสดงออกทางภาษากายของบรรดาผู้ที่เข้าร่วมประชุม โดยระบุว่าสีหน้าท่าทีของบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมดสวนทางกับสิ่งที่ผู้นำรัสเซียพูด ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุหลักของความไม่สงบครั้งนี้

นอกจากวิดีโอการประชุมระหว่างประธานาธิบดีปูตินและเจ้าหน้าที่ระดับสูงแล้ว ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีปูตินได้ออกวิดีโอแถลงการณ์พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 วันก่อน โดยเป็นวิดีโอความยาว 6 นาทีที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล

ในวิดีโอดังกล่าว ประธานาธิบดีปูตินไม่กล่าวชื่อกลุ่มแวกเนอร์ออกมาแม้แต่คำเดียว โดยใช้คำว่า กลุ่มกบฏ แทนผู้นำรัสเซียย้ำชัดแบบที่เคยย้ำมาตลอดว่า กลุ่มกบฏต้องถูกปราบและหัวหน้ากลุ่มกบฏต้องถูกลงโทษ เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้รัสเซียอ่อนแอลง นอกจากนี้ ผู้นำรัสเซียยังย้ำว่าการจับอาวุธสู้กันเองของคนในรัสเซีย คือสิ่งที่ศัตรูอย่างระบอบนีโอนาซีและระบอบเคียฟในยูเครน รวมถึงชาติตะวันตกต้องการเห็น

คำพูดดังกล่าวของผู้นำรัสเซียสอดคล้องกับแถลงการณ์ของเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ที่ออกมาระบุว่า ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบว่ามีหน่วยงานของชาติตะวันตกเข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์ก่อกบฏเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาหรือไม่

หลังจากที่ผู้นำรัสเซียแถลงไม่นาน ทางสหรัฐฯ และชาติตะวันตกบางประเทศได้ออกมาแสดงจุดยืนทันที โดยเฉพาะสหรัฐฯผู้สนับสนุนรายสำคัญของยูเครน เมื่อวานนี้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาแถลงยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในประเทศรัสเซีย สหรัฐฯ ชาติตะวันตก รวมถึงนาโตไม่ได้เข้าไปมีส่วนรู้เห็นหรือสนับสนุนการก่อกบฏในรัสเซีย

ด้านแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาแถลงยืนยันเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยระบุว่าสหรัฐฯ ไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนผู้นำหรือรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ตลอดจนนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่รัสเซียทำเท่านั้น สิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการจากรัสเซียมีเพียงข้อเดียว คือ หยุดรุกรานเพื่อนบ้านและหยุดใช้อิทธิพลแทรกแซงประเทศอื่นๆ

นอกจากประเด็นการกล่าวหาว่าสหรัฐฯ และชาติตะวันตกเข้ามาแทรกแซงและสนับสนุนการก่อกบฏในรัสเซียแล้ว ในวิดีแถลงการณ์ความยาว 6 นาที มีตอนหนึ่งที่ทำให้หลายฝ่ายเกิดความคลางแคลงใจไม่น้อยเนื่องจากผู้นำรัสเซียได้กล่าวขอบคุณกลุ่มแวกเนอร์ที่ตัดสินใจถอยทัพจนไม่เกิดการนองเลือดในเมืองหลวง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกคำพูดเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

หลายฝ่ายมองว่า นี่คือความพยายามของผู้นำรัสเซียในการประนีประนอมกับกลุ่มแวกเนอร์ หรืออาจเป็นการประกาศว่ากลุ่มแวกเนอร์ได้ล่มสลายอย่างเป็นทางการแล้ว และผู้นำรัสเซียก็พยายามเสนอทางเลือกให้กับกลุ่มแวกเนอร์ที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากนี้ ประธานาธิบดีได้เสนอทางเลือก 3 ทางให้แก่กลุมแวกเนอร์ คือ เซ็นสัญญาเข้าร่วมกับกองทัพรัสเซีย กลับบ้านไปหาครอบครัว หรือลี้ภัยไปยังเบลารุสตามปริโกชิน ผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์

ตอนนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นักรบแวกเนอร์อาจเลือกทางเลือกสุดท้ายคือ ลี้ภัยไปอยู่เบลารุสตามเยฟเกนี ปริโกชิน หัวหน้ากลุ่มเนื่องจากในคลิปเสียงที่ปริโกชินเปิดเผยออกมาเมื่อวานนี้ เขาระบุชัดเจนว่าไม่มีทหารแวกเนอร์คนใดต้องการอยู่ภายใต้คำสั่งของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า ตอนนี้กองกำลังบางส่วนของแวกเนอร์ ได้เริ่มสร้างค่ายของกลุ่มนักรบแวกเนอร์ในเมืองอาซิโปวิชี แคว้นโมกิเลฟ ทางตะวันออกของเบลารุส โดยแคมป์นี้คาดว่าจะรองรับกลุ่มนักรบแวกเนอร์ได้มากถึง 8,000 คน

สาเหตุที่หลายฝ่ายให้ความสนใจกับกระแสข่าวนี้ เป็นเพราะถ้ากลุ่มแวกเนอร์ตั้งค่ายบริเวณนี้จริง อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางของสงครามยูเครนในอนาคต เนื่องจากถ้าดูจากแผนที่จะเห็นได้ว่าเมืองอาซิโปวิชี อยู่ห่างจากกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนออกมาราว 800 กิโลเมตร ซึ่งนี่อาจเป็นหนึ่งในแผนการเพื่อบุกเข้ายึดกรุงเคียฟจากทางเหนือ เพื่อปิดฉากสงครามยูเครน

นอกจากผู้นำรัสเซียและเยฟเกนีปริโกชินแล้ว เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส ผู้ที่เป็นคนกลางประสานรอยร้าวระหว่างประธานาธิบดีปูตินและปริโกชิน ได้ออกมาแสดงความเห็นเป็นครั้งแรก หลังเกิดเหตุการณ์ก่อกบฏ

  นักวิเคราะห์คาด แวกเนอร์ หนีตาม "ปริโกชิน"ไปเบลารุส

ความเห็นครั้งนี้มีขึ้นระหว่างที่ผู้นำเบลารุสได้เดินทางไปร่วมพิธีประดับอินทรธนูในเมืองหลวง โดยระบุว่าเขาจะไม่ปิดบังว่ารู้สึกเจ็บปวดมากที่ต้องเฝ้ามองเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นทางตอนใต้ของรัสเซีย นอกจากนี้ สำนักข่าวเบลตา (BelTA) ของเบลารุสยังได้อ้างถึงคำพูดของประธานาธิบดีลูคาเชนโกที่ระบุว่า ไม่ใช่แค่ตัวเขาเท่านั้น แต่ชาวเบลารุสจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในรัสเซียมาก อย่างไรก็ดี สื่อตะวันตกตั้งข้อสังเกตว่า ผู้นำเบลารุสไม่ได้กล่าวถึงเยฟเกนี ปริโกชินเลยแม้แต่น้อย

ความเคลื่อนไหวของกลุ่มแวกเนอร์ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อในอนาคต เนื่องจากหลายฝ่ายบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายภายในรัสเซียจะเกิดขึ้นและจบลงในเวลาเพียง 1 วัน แต่ความวุ่นวายดังกล่าวก็เพียงพอที่จะทำให้ยูเครนสามารถรุกคืบได้เพิ่มมากขึ้น

ฮันนา มารีอา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทหารยูเครนสามารถรุกคืบในหลายพื้นที่สำเร็จ โดยพื้นที่ที่มีความคืบหน้าอยู่ทางตอนใต้บริเวณแคว้นโดเนตสก์และแคว้นเคอร์ซอน

สำหรับในแคว้นโดเนตสก์ พื้นที่ที่ยูเครนสามารถยึดคืนมาได้คือ หมู่บ้านริฟโนปิล โดยกองพันที่สองของกองพลยานยนต์ที่ 31 หลายฝ่ายมองว่า นี่เป็นก้าวสำคัญก้าวเล็กๆ ของยูเครนที่ใช้โอกาสจากความวุ่นวายในรัสเซียยึดคืนหมู่บ้านแห่งนี้กลับมา

ส่วนแนวรบด้านใต้บริเวณแคว้นเคอร์ซอน ตอนนี้บรรดาบล็อกเกอร์สายทหารของรัสเซียระบุผ่านเทเลแกรมไปในทิศทางเดียวกันว่า กองทัพยูเครนสามารถข้ามสะพานอันโตนิฟสกีมายังพื้นที่แคว้นเคอร์ซอนตะวันตกได้แล้ว และเปิดฉากโจมตีกองทัพรัสเซียในพื้นที่เมืองโอเลชกีอย่างหนัก

ขณะเดียวกัน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ก็ได้ลงพื้นที่ทางด้านตะวันออกที่มีการสู้รบกันอย่างดุเดือด เพื่อไปตรวจเยี่ยมกองบัญชาการการรบ มอบเหรียญรางวัล และถ่ายรูปร่วมกับทหารในพื้นที่

หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ขณะที่พูดคุยกับทหารและผู้บัญชาหาร ผู้นำยูเครนดูมีสีหน้าที่สดใสขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านมาๆ อาจเป็นเพราะยูเครนสามารถเปิดฉากโต้กลับรัสเซียได้หลายแนวรบ หลังเกิดเหตุการณ์ก่อกบฏบนแผ่นดินรัสเซีย

นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังได้เดินทางไยังแคว้นซาโปริซเซียเช่นเดียวกัน โดยในระหว่างเดินทางกลับ ผู้นำยูเครนได้บันทึกวิดีโอพร้อมระบุว่ามีความสุขมาก เนื่องจากเกือบทุกแนวรบตั้งแต่ภูมิภาคดอนบาสไปจนถึงแคว้นซาโปริซเซียและแคว้นเคอร์ซอนมีความคืบหน้ามากขึ้นในรอบหลายวัน

คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง